26/10/64

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จ.สุพรรณบุรี

 

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์)

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) ก่อตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยนำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนที่มีมายาวนานถึง 5,000 ปี จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้รูปแบบของมังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันดี ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์จีน โดยจะแบ่งออกเป็น 18 ห้อง ตั้งแต่สมัยตำนานการสร้างโลกยุคแรกเริ่มทางประวัติศาสตร์ ลำดับราชวงศ์ตั้งแต่ยุคหวงตี้ถึงราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้าย สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ ดร. ซุนยัดเซ็น ยึดอำนาจจากจักรพรรดิและสถาปนาระบอบประชาธิปไตยและช่วงเวลาชิงอำนาจระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย คือ เจียงไคเช็คกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่นำโดยเหมาเจ๋อตุง จนมาถึงการสถาปนาสาธารณรัฐจีน ตลอดจนประวัติความเป็นมาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเรื่องราวที่นำเสนอประกอบด้วย เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญ ปรัชญา ภูมิปัญญา และการค้นพบประดิษฐกรรมสำคัญของบรรพบุรุษชาวจีน ผ่านสื่อจัดแสดงที่น่าสนใจ การจัดแสดงนิทรรศการภายในตัวมังกรใช้สื่อจัดแสดงทันสมัย เช่น ภาพยนตร์ ระบบโสตทัศนูปกรณ์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ แสง เสียง หุ่นจำลอง พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องฉายภาพยนตร์ ห้องรับฝากของ จำหน่ายหนังสือ และห้องจำหน่ายของที่ระลึก มุ่งเน้นให้ผู้เข้าชมได้รับความรู้และความเพลิดเพลิน โดยสอดแทรกคุณธรรมสำคัญในการดำเนินชีวิตที่บรรพบุรุษชาวจีนยึดถือ 
เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และอังคาร) โดยจะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ๆ มีชุดหูฟังเสียงบรรยายภาษาอังกฤษและจีนให้บริการ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 299 บาท เด็ก 149 บาท/ ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 499 บาท เด็ก 299 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +66 3552 6211-2
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : ถนนมาลัยแมน เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/rRPwD

 
 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง

หากคุณเป็นคนชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อย่าพลาดที่จะแวะเวียนมาเยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง สถานที่รวบรวมศิลปะโบราณวัตถุในสมัยต่าง ๆ ที่ขุดค้นพบและแสดงวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคต่าง ๆ ที่เคยอาศัยอยู่ในดินแดนแถบสุพรรณบุรี ภายในแบ่งออกเป็น 2 อาคาร คือ อาคารที่ 1 จัดแสดงการค้นพบเมืองอู่ทองสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยวัฒนธรรมทวารวดี พระพุทธรูปสมัยทวารวดี อาคารที่ 2 จัดแสดงห้องชาติพันธุ์วิทยาและลูกปัดที่ค้นพบในเมืองอู่ทองตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยทวารวดี ส่วนลานกลางแจ้งสร้างเป็นเรือนแบบลาวโซ่ง จัดแสดงวัฒนธรรมประเพณี การแต่งกาย เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวลาวโซ่ง ทั้งนี้ เมืองอู่ทอง เป็นเมืองเก่า ที่มีชื่อปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่า พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพผู้คนหนีโรคห่าจากเมืองอู่ทองเมื่อปี พ.ศ. 1890 ไปสร้างเมืองหลวงใหม่คือ กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้มีการขุดค้นหาหลักฐานที่เมืองอู่ทอง แล้วลงความเห็นว่า เมืองนี้เป็นเมืองเก่าก่อนกรุงศรีอยุธยาและร้างไปนานนับร้อยปี ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยา จึงเชื่อกันว่าพระเจ้าอู่ทองน่าจะไม่ได้หนีจากโรคห่าดังที่กล่าวไว้แต่แรก ย้อนรอยพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอู่ทอง ในปี พ.ศ. 2446 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการเมืองสุพรรณบุรี และเสด็จสำรวจเมืองโบราณอู่ทอง ทรงนิพนธ์เล่าเรื่องเมืองอู่ทองในรายงานเสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณบุรีและทรงนิพนธ์หนังสือเรื่องนิทานโบราณคดี ต่อมา พ.ศ. 2476 ราชบัณฑิตยสภาทำการสำรวจและทำแผนผังเมืองโบราณอู่ทอง พบว่าเป็นเมืองโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี จึงได้จัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ขึ้นเป็นอาคารชั่วคราวในปี พ.ศ. 2502 เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ได้จากการสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดีที่เมืองโบราณอู่ทอง ก่อนจะทำการสำรวจขุดแต่งโบราณสถานที่มีกระจายอยู่ทั่วไปในเมืองอู่ทองเพิ่มเติม โดยศาตราจารย์ช็อง บวสเซลีเย่ร์ (M.JeanBoisselier) ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ชาวฝรั่งเศส เป็นหัวหน้าหน่วยศิลปากรในขณะนั้น โดยได้พบโบราณวัตถุสมัยทวารดีอีกจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2508-2509 กรมศิลปากรจึงได้จัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทองขึ้นเป็นการถาวร เพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากขุดค้นทางโบราณคดี 
เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
 อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +66 3555 1021, +66 3555 1040
 
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : อู่ทอง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/v1jcY


 
 
 

สุ่มปลายักษ์ วัดทองประดิษฐ์

สุ่มปลายักษ์ วัดทองประดิษฐ์ ตั้งอยู่บริเวณบ้านต้นตาล ตรงข้ามกับวัดทองประดิษฐ์โดยมีสะพานไม้ที่ชาวบ้านใช้สัญจรเชื่อมกับตัวตลาดในนาบัว ที่สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก มีสุ่มยักษ์เป็นแลนด์มาร์ก ในตลาดจำหน่ายอาหาร ก๋วยเตี๋ยว ขนมไทย ผัก ผลไม้ต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชิม
 
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : สองพี่น้อง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/yWkfF


ตลาดท่าช้าง

ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนแห่งนี้ อดีตเคยเป็นแหล่งศูนย์รวมการค้าขนาดใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรี และเนื่องจากสมัยก่อนการเดินทางไปยังตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ต้องเดินทางโดยทางเรือ ผู้เดินทางเข้าจังหวัดจะต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือหน้าตลาดแห่งนี้ ทำให้ตลาดท่าช้างคึกคักไปด้วยผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนมากมาย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2501 เกิดไฟไหม้ตลาด ทำให้บ้านเรือนโบราณที่สร้างด้วยไม้ถูกเผาทำลายวอดวายไปกว่า 600 หลัง แต่ยังคงหลงเหลือเพียงบ้านที่อยู่ห่างออกมาเพียงไม่กี่หลัง (อย่างเช่นร้านอาหารเล็กเสี่ยวหงส์) ตลาดท่าช้างในปัจจุบัน จึงเป็นตลาดที่สร้างขึ้นมาใหม่ แต่ก็มีอายุกว่า 50 ปีมาแล้ว เมื่อรวมกับบ้านเก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ ทั้งวิถีชีวิตและอาหารการกิน จึงทำให้เป็นตลาดที่มีเสน่ห์ และมีร้านอาหารให้เลือกทั้งเก่าและใหม่ ร้านค้าต่าง ๆ อีกมากมายให้เลือกสรร โดยเฉพาะร้านโชห่วยตลาดท่าช้าง สถานที่รวบรวมของเก่าที่หาดูได้ยาก และน่าจะถูกใจสำหรับผู้ที่รักการสะสมของเก่า ปัจจุบัน ที่นี่ยังมี ตลาดยามเย็น "ท่าช้างเดินเพลิน" ถนนคนเดินสไตล์ย้อนยุคที่กำลังได้รับความนิยมของชาวสุพรรณบุรีและนักท่องเที่ยว เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
 
 
 
ที่อยู่ : บ้านท่าช้าง เดิมบางนางบวช, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/hL0yC

 
 
 

ตลาดเก้าห้อง

ตลาดเก้าห้องเป็นตลาดห้องแถวเก่าแก่ ย่านการค้าของชุมชนไทย-จีน ที่รุ่งเรืองริมแม่น้ำสุพรรณบุรีหรือแม่น้ำท่าจีน จากวันวานจนถึงวันนี้เป็นเวลานานกว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งตลาดยังคงสภาพบ้านเรือนไม้ที่ปลูกเรียงกันเป็นแถวยาว สำหรับที่มาของชื่อตลาดเก้าห้องนั้น สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากชื่อบ้านเก้าห้อง บ้านโบราณที่สร้างขึ้นโดย 'นายฮง' ชาวจีนที่อพยพมาจากกรุงเทพฯ และทำมาค้าขายอยู่บริเวณละแวกบ้านเก้าห้อง กิจการค้ารุ่งเรืองดี โดยค้าขายบนแพที่จอดอยู่ริมน้ำหน้าบ้านเก้าห้อง เนื่องจากในสมัยก่อนเป็นย่านค้าขายที่มีเรือนแพขายของเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ต่อมานายฮงเริ่มวางแผนผังและสร้างตลาดบริเวณฝั่งตรงข้ามกับบ้านเก้าห้อง มีการโยกย้ายแพขึ้นไปค้าขายบนบกหรือในตลาด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำในบริเวณนั้น และเปิดการค้าทางบกมากขึ้น รวมทั้งนำชื่อบ้านเก้าห้องมาเป็นชื่อตลาด และ 1 ปีถัดมา นายฮงได้สร้างป้อมขนาด 5 ชั้น ชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้า บริเวณฝาผนังทุกด้านของแต่ละชั้นจะมีรูกลมโต เหตุที่สร้างป้อมขึ้นมา เพราะในระยะนั้นมีพวกโจรหรือที่เรียกว่า "เสือ"ชุกชุมเป็นอย่างมาก จึงสร้างป้อมไว้คอยสังเกตการณ์และเตรียมป้องกันการปล้นสะดมของเสือทั้งหลาย จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ เล่าว่าในสมัยสงครามโลก เวลากลางคืนจะมียามคอยสังเกตการณ์อยู่บนป้อม หากมีเครื่องบินบินมาก็จะส่งสัญญาณให้คนในตลาดดับตะเกียงเพื่อไม่ให้เครื่องบินมองเห็น จะได้ไม่ทิ้งระเบิดลงมา และ "หอดูโจร" นี้เองที่กลายมาเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของตลาดแห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งขายสินค้านานาชนิด มีอาหารและขนมโบราณอร่อยหายากแห่งหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ยังมีของฝากประจำตลาดเก้าห้องด้วย นั่นคือ ขนมเปี๊ยะ เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตขนมเปี๊ยะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรีเลยก็ว่าได้ และสำหรับผู้มาเยือนเป็นหมู่คณะ อย่าพลาดไปแวะชม "พิพิธภัณฑ์ตลาดเก้าห้อง" แหล่งเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เดิมทีเป็นร้านขายยาแบบห้องแถว ภายหลังพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ด้วยรูปแบบของงานสถาปัตยกรรมสไตล์จีน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 
เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552 5867, +66 3552 5880
 
 
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : หมู่ 2 บางปลาม้า, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/5adEl

 
 
 
 
 
 
 




 
 
 
 

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only